31 January 2008

บทความสำหรับคนโสด และคนที่อยากโสด

บทความโดย นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ในฐานะผู้ชายดีๆ ที่หายากคนหนึ่ง ผมรู้สึกเห็นใจสตรีเพศจริงๆ ครับ…ช่วงเวลาในการเลือกคู่ของเธอทั้งหลายช่างสั้นยิ่งนักเพราะช่วงอายุขัยของวัยสาวเริ่มผลิบานเมื่อประมาณ 13 ปีแล้วมาสุดเขตแดนเมื่อวัยสามสิบ… วันเกิดครบรอบ 30 จึงเป็นตัวเลขแห่งความสะเทือนขวัญก่อให้เกิดความตื่นตระหนก…

หลายคนไม่อยากพูดถึง คนอื่นก็ไม่ควรเอ่ยปากด้วย… ถือเป็นมารยาทสังคมอย่างหนึ่ง ยกเว้นพวกมีวาจาเป็นอาวุธ ที่ชอบถามว่า"ปาอะไรเอ่ยที่ผู้หญิงกลัวที่สุด "เฉลย " ปาเข้าไปสามสิบยังไม่มีผัว " … ใครดันถาม มันผู้นั้นสมควรตาย

ตอนเรียนหนังสือเป็นนักเรียนนักศึกษา คุณพ่อคุณแม่ก็สอนนักสอนหนาว่า " อย่าริรักในวัยเรียน " "ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดี จบแล้วค่อยมีแฟน "ทั้งๆ ที่ไอ้ตอนเรียนหนังสือมีโอกาสพบปะเพศตรงข้ามมากหน้าหลายตา ก็หาได้สนใจไม่ เป็นคนประเภท " รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน "ทุ่มเทชีวิตให้แก่การศึกษา…เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชาเป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน

หลังจบการศึกษา ประกอบสัมมาอาชีวะ ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาว่าง"เลือกสรร - ควานหา" ผู้จะมาเป็นเจ้าบ่าวในอนาคต ตั้งสเปกว่าต้องได้แฟนหนุ่มประเภทซูเปอร์เพอร์เฟคอย่างวิลลี่ แมคอินทอชหรือจอห์นนี่ แอนโฟเน่ หรืออย่างน้อยๆก็ต้องมาดแมนแฮนซั่ม หล่อล่ำดำขรึม ถึง จะได้มาตรฐาน… ไอ้ประเภทหุ่นอัฟริกา หน้าติมอร์อย่าได้สะเออะหน้ามาให้เห็น…ไม่มีทางได้แอ้มหรอก

จากวันเป็นเดือน - จากเดือนเป็นปี ความรักไม่มีวี่แววคืบหน้าแม้วันเวลาผ่านไป… เพราะที่ทำงานทั้งห้องมีผู้ชายอยู่แค่ 5 คน -เจ้านายก็มีเมียแล้ว… ไม่อยากตกเป็นภรรยาบุญธรรม สองคนดันเป็นเกย์… อีกคนยังลังเลอยู่ว่าจะเป็นดีหรือเปล่า…คนสุดท้ายเป็นชายแท้ แต่กำลังถูกแย่งตัวระหว่างเกย์สองคนอยู่ไม่อยากเข้าไปเป็นมือที่สาม…นั่งรถมาทำงาน ก็สองชั่วโมงครึ่ง กลับอีกสองชั่วโมงสี่สิบนาที กลับถึงบ้าน หมดสิ้นกำลังขอนอนเอาแรงก่อน.........ขณะที่งีบหลับอย่างสนิท ภาพในความฝันที่เธอเห็นคือ สถาบันการศึกษาที่เธอจบมา…แหล่งที่มีเพศตรงข้ามชุกชุม เธอหวนรำลึกนึกถึงผู้ชายดีๆที่เขาเคยอุตส่าห์มาเฝ้าตามจีบ ตามง้อตามตื้อ แล้วเราเล่นตัวจนเคยตัว ในที่สุดผลประโยชน์ตกอยู่ที่เพื่อนสนิทเป็นที่เรียบร้อย…แหม ! ไม่น่าเลย ยิ่งคิดยิ่งเสียดายจริงจริ๊ง…ตื่นพอดี

เจอโลกแห่งความจริงดำเนินชีวิตไปแต่ละวัน ยิ่งเข้าหน้าหนาว ซองสีชมพูกลิ่นหอมๆ จากเพื่อนๆเริ่มทยอยมา ตามหลังซอง กฐินซองผ้าป่าที่เพิ่งหมดฤดูกาล… พอไปในงาน ดันเจอคำถามสะกิดใจอีกว่า"เมื่อไรจะถึงคิวแจกการ์ดของตัวบ้างล่ะ"..."โถ! การ์ดแต่งงานน่ะพิมพ์เสร็จแล้ว เหลือแต่ชื่อเจ้าบ่าวที่ยังไม่ได้เลือกว่าจะเป็นใครเพราะครั้งนี้เขาเปลี่ยนระบบเลือกตั้งใหม่ ยังงงๆเรื่องปาร์ตี้ลิสต์อยู่เลย" เอ๊ะ…เกี่ยวอะไรกัน!…ในใจก็คิดว่า "ก็ฉันอยู่เป็นโสดนี่มันไม่ดียังไงหนักกระบาลใครรึเปล่า"

เคยตั้งคำถามกันไหม…ว่าทำไมต้องแต่งงาน (กันด้วย!)… คำตอบจากเพื่อนๆ ที่แต่งงานแล้วหรืออยากจะแต่งงานอาจมีหลากหลาย…"อยู่คนเดียวมันว้าเหว่ อยากมีใครสักคนไว้แก้เหงา " …รายนี้เห็นผู้ชาย เป็นตัวคลายเหงา "รายได้ไม่พอใช้ หาคนช่วย (หาเงิน) " … ผมกลัวมาช่วยผลาญเงินมากกว่า"อยากมีลูก ก็ต้องหาพ่อก่อนสิ "… เกิดได้ลูกแล้วจะทิ้งพ่อรึเปล่าเนี่ยะ"โรงงานพร้อมแล้ว ขาดผู้ประกอบการ"…เจ้าของคำตอบกำลังหาผู้ร่วมลงทุนฯลฯ

อันว่า " ชีวิตคู่ " อยู่ไปเพื่อสิ่งใด ?ชีวิตคู่ คือ การเติมเต็มซึ่งกันและกัน ดังนั้นเมื่อมีชีวิตสมรสแล้ว ครึ่งหนึ่งของ ชีวิตเราจะหายไปในส่วนที่ขาดจะมีครึ่งชีวิตของอีกฝ่ายมาเติมแต่งแห่งพื้นที่ว่างนั้นขณะที่ครึ่งชีวิตของเราที่หาย ก็มิได้สูญสลายไปไหน มันก็ไปเติมที่ว่างของคู่เรานั่นเอง

จุดมุ่งหมายของการแต่งงานคือการใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขมากขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อเป็นสามีภรรยาแล้วต้องมีความสุขมากกว่าตอนอยู่คนเดียวถ้าตอนอยู่ด้วยกันแล้ว มีแต่ความทุกข์ ความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานก็ไม่รู้ว่า จะแต่งงานไปหาพระแสงดาบคาบค่ายที่ไหน… อยู่คนเดียวมันส์กว่า

ชีวิตคู่ต้องเกื้อกูลกันและกัน ความก้าวหน้าของสามี ภรรยาต้องมีส่วน อย่างน้อยก็ปลอบใจในยามที่สามีเครียดจากการงานชีวิตภรรยาถ้าไม่คิดเอาดี ในทางโลกก็เจริญในทางธรรมกำลังใจต้องได้จากสามีเช่นกัน อย่างน้อยก็อย่าหาทุกข์มาสุมเพิ่ม… ถ้าคู่รักของเราประกอบมิจฉาอาชีวะ ติดเหล้า เล่นการพนันโกงบ้านกินเมืองชีวิตอีกฝ่ายก็เหมือนตก นรกทั้งเป็น

เพราะฉะนั้นเวลาเลือกแฟน แทนที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องรูปร่างหน้าตาฐานะการเงิน ยี่ห้อรถเก๋งที่ใช้อยู่ ฯลฯเปลี่ยนเป็นเงื่อนไขแค่สองข้อที่จำแสนง่าย คือหนึ่ง - สุขใจยามอยู่ใกล้ชิดสอง - คู่ช่วยคิดชีวิตก้าวหน้าเพราะชีวิตคู่คือการเติมเต็มชีวิตแก่กันและกัน ไม่ต้องง้อใครให้เสียเวลาไม่เสียชาติเกิดหรอกครับ ถ้าคุณจะใช้ชีวิตเป็นโสด ถือคติประจำใจว่า "อยู่เป็นโสด ดีกว่ามีสามีเลว "

จาก http://wimolrat.multiply.com/journal/item/3

No comments:

คนโสด.com