16 June 2009

ตลาดคนโสด

ตลาดคนโสด

นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา พฤษภาคม 2552
http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=79409


ในอดีตคนส่วนใหญ่จะเลือกซื้อบ้านมากกว่าคอนโดมิเนียม แต่หลังจากวิถีชีวิตเปลี่ยนไป คนวัยทำงานเริ่มแต่งงานน้อยโดยเฉพาะคนโสดเลือกอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม มากกว่า

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมผู้ซื้อคอนโดมิเนียม และผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมภายในเวลา 1 ปี โดยเลือกสำรวจคอนโดมิเนียมในรัศมี 2 กิโลเมตรจากแนวรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลพบว่า ส่วนใหญ่เป็นตลาดคนโสดที่มีรายได้ 2-4 หมื่นบาท

ศูนย์ข้อมูลฯ ได้ว่าจ้างบริษัท มาร์เก็ตติ้งมูฟ จำกัด สำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 420 คนในช่วงปลายปี 2551 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มที่ได้ซื้อคอนโดมิเนียมแล้ว 205 ราย และกลุ่มที่สนใจจะซื้อคอนโดมิเนียมภายใน 1 ปี จำนวน 215 ราย

กลุ่มที่ได้ซื้อคอนโดมิเนียมแล้วในช่วงเวลาไม่เกิน 1 ปีที่ผ่านมา เป็นกลุ่มที่ซื้อคอนโดมิเนียมในราคาไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท และซื้อในช่วงเวลาไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่สำรวจจากแบบสอบ ถามผู้ซื้อจำนวน 205 ราย พบว่าเป็นคนโสดร้อยละ 54 มีช่วง อายุ 25-34 ปี ทำงานบริษัทเอกชนร้อยละ 41 รายได้ส่วนตัวเฉลี่ย 2-4 หมื่นบาท จำนวนร้อยละ 61

คนโสดเหล่านี้จะซื้อคอนโดมิเนียมในราคา 1.6-2 ล้านบาท และซื้อห้องขนาด 30.5-40 ตารางเมตร มีพื้นที่ใช้สอย 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ โดยศึกษาข้อมูลจากแผ่นพับประชาสัมพันธ์

ส่วนกลุ่มที่สนใจจะซื้อคอนโดมิเนียมภายใน 1 ปี จำนวน 215 ราย เป็นกลุ่มคนโสดที่มีช่วงอายุระหว่าง 25-34 ปี และมีรายได้เท่ากับกลุ่มที่ได้ซื้อคอนโดมิเนียมไปแล้ววิถีชีวิตของกลุ่มคน โสดเปลี่ยนไปโดยเลือกพักอาศัยอยู่ใกล้สำนักงานหรือใกล้รถไฟฟ้าใช้เวลาเดิน ทางไม่เกิน 30 นาที

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศรัณยพงศ์ เที่ยงธรรม ผู้จัดการศูนย์ที่ปรึกษาทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ บอกว่ากลุ่มตัวอย่างของผู้สำรวจส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในห้องเช่าประเภทแฟลตหรือ อพาร์ตเมนต์ เป็นกลุ่มที่ยังไม่มีหน่วยงานวิจัยเคยสำรวจมาก่อน

สำหรับภาระค่าใช้จ่ายหลักๆ ของผู้ซื้อคอนโดมิเนียมมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวร้อยละ 50-60 ที่เหลือเป็นภาระเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัว ร้อยละ 10 มีเงินฝากประมาณ 5 หมื่นถึง 2 แสนบาทขึ้นไป แต่กลุ่มที่ซื้อคอนโดมิเนียมไปแล้วมีเงินเก็บสูงถึงระดับ 5 แสนบาท เก็บจากเงินฝาก 100% ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการลงทุนประเภทอื่น ได้แก่ RMF/LTF หรือลงทุนในหุ้น พันธบัตร ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าจะสามารถนำไปหักภาษีได้ก็ตาม

นอกเหนือจากเป้าหมายหลักในการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย แต่จากสถานการณ์น้ำมันแพง ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมคึกคักจึงทำให้ผู้ซื้อบางส่วนหวังขายต่อหรือปล่อยให้ เช่า เพราะมองว่าเป็นการลงทุนที่ดีสำหรับอนาคต

สำหรับวิธีการชำระเงิน ผู้ซื้อจะยืมเงินผู้อื่นเพื่อวางดาวน์ส่วนการโอนยังคงใช้เงินกู้จากสถาบัน การเงิน ดังนั้นมาตรการภาครัฐจึงเป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียม เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ขึ้น-ลงมีผลต่อการตัดสินใจในการซื้อเป็นอย่างมาก

อย่างเช่นกรณีคำถามของศูนย์ข้อมูลฯ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยหากขึ้นร้อยละ 10 กว่า ผลสำรวจพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามกว่าครึ่งหนึ่งตัดสินใจที่จะหยุดซื้อ คอนโดมิเนียม

ตลาดคนโสดเป็นตลาดที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คงจะไม่สามารถมองข้ามได้อีก ต่อไป เพราะเป็นกลุ่มที่มีเงิน มีการศึกษาและไม่มีภาระเรื่องครอบครัว

แผนการเงินสำหรับคนโสด


"แผนการเงินสำหรับคนโสด"
By wiwan

มีแฟนคอลัมน์เขียนมาขอให้แนะนำการลงทุนของคนโสดบ้าง ดิฉันจึงนำมาลงให้ตามสัญญาค่ะ



แผนการเงินของคนโสดไม่แตกต่างกับแผนการเงินของผู้ที่แต่งงานแล้วแต่ไม่มี บุตร เพราะสามารถตัดเรื่องการวางแผนเพื่อการศึกษาของบุตรไปได้ คงเหลือเฉพาะการวางแผนเพื่อการเกษียณอายุงาน เพราะต้องดูแลตัวเอง และอาจจะต้องวางแผนเพื่อเลี้ยงดูบุพการีด้วย



คนโสดในวัยสามสิบเศษ หากไม่คิดว่าจะมีครอบครัวก็สามารถวางแผนซื้อบ้านได้ ในภายหลังหากมีครอบครัวก็ไม่ต้องหาซื้ออีก แค่ถ้าหากไม่มีครอบครัวและมาเริ่มซื้อตอนอายุ 40 หรือ 45 ปี อาจจะช้าไปหน่อยค่ะ ผ่อนไม่ไหว ประมาณเอาว่าเริ่มวางแผนซื้อบ้านตั้งแต่อายุ 35 ปี ก็น่าจะดีค่ะ



นอกจากนั้น ยังต้องวางแผนเรื่องการดูแลสุขภาพด้วย ทำร่างกายให้แข็งแรง และเลือกดูแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสม ในกรณีที่ที่ทำงานไม่ได้ครอบคลุมการประกันสุขภาพให้ เพราะข้อเสียเปรียบอย่างหนึ่งของคนโสดคือ เวลาเจ็บป่วยไม่สามารถทำงานได้ จะไม่มีรายได้จากคู่สมรสมาช่วย ทุกอย่างจึงต้องอาศัยตนเองทั้งสิ้น นอกเสียจากว่าท่านจะมีญาติพี่น้องคอยดูแลอีกชั้นหนึ่ง



การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับคนโสดค่ะ เพราะทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดในชีวิตของท่านก็คือตัวของท่าน และถ้าท่านไม่อยากให้ตัวท่านเองเป็นภาระของตัวเองในยามชราภาพ ท่านต้องดูแลสุขภาพให้ดีเลิศ
สุขภาพจิตก็สำคัญค่ะ เนื่องจากท่านไม่มีลูกให้ดุ ไม่มีคู่สมรสให้ต่อว่า ท่านอาจจะสะสมความเครียดโดยไม่รู้ตัว ต้องมีการระบายความเครียด อาจจะด้วยการออกกำลังกาย ด้วยการทำสมาธิ ด้วยการศึกษาศาสนา อ่านหนังสือธรรมะ ฯลฯ



การวางแผนประกันสุขภาพ เป็นสิ่งที่ควรจะทำค่ะ และสำคัญกว่าแผนประกันชีวิต โดยเฉพาะท่านที่ทำงานอิสระหรือหน่วยงานที่สังกัดไม่ได้ให้การดูแลในเรื่อง สุขภาพ แต่สำหรับท่านที่ต้องเลี้ยงดูบุพการี ท่านควรจะต้องวางแผนประกันชีวิต เช่นเดียวกับผู้มีครอบครัวและต้องเลี้ยงดูคู่สมรสและบุตรค่ะ



ตารางด้านล่างแสดงถึงประโยชน์จากการวางแผนการเงินสำหรับช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิต หากท่านเป็นคนโสด ท่านก็วางแผนแบบคู่สมรสใหม่กับแบบวัยก่อนเกษียณ คือ เมื่อยังอายุน้อยก็เน้นการวางแผนการใช้จ่าย และแผนการลงทุน พออายุเพิ่มขึ้นก็เน้นการวางแผนเกษียณเพิ่มเติม ถ้าท่านมีภาระเลี้ยงดูผู้อื่น ท่านก็ต้องวางแผนประกันภัย (ประกันชีวิต) เพิ่ม
สำหรับแผนการลงทุนนั้น เป็นแผนที่ได้ใช้ตลอดช่วงอายุค่ะ จึงมีความสำคัญ และเป็นส่วนที่ยากและท้าทายความสามารถมากที่สุด ในส่วนนี้ขอแนะนำให้ปรึกษากับผู้รู้ เพราะหากวางแผนลงทุนไม่ดี เงินที่เก็บมาทั้งชีวิต อาจลดลงไปทำให้ไม่สามารถเกษียณอายุงานได้เร็วขึ้นตามที่เคยวางแผนเอาไว้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่การลงทุนมีความผันผวนมาก ท่านต้องวางแผนและลงมือปฏิบัติด้วยความระมัดระวังค่ะ




การวางแผนการเงินเป็นเรื่องที่ไม่ยากใช่ไหมคะ ท่านจะเห็นว่าความสำคัญของการวางแผนการเงินในแต่ละช่วงชีวิต จะเน้นประเภทของแผนที่แตกต่างกัน ตอนยังไม่มีเงินออมก็ต้องออมเงินก่อน เมื่อมีเงินพอสมควรก็ต้องลงทุน เมื่อมีทรัพย์สินมากพอสมควรก็ต้องทำประกันภัย เพื่อคุ้มครองชีวิตและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพย์สิน และเมื่อมีโอกาส ต้องวางแผนเพื่อการเกษียณอายุงานที่สุขสบาย ทั้งนี้และทั้งนั้น ในทุกช่วงอายุต้องดูแลสุขภาพให้ดีค่ะ


กล่าวกันอยู่เสมอว่า แผนการเงินของแต่ละคนก็จะแตกต่างกัน นอกจากจะแตกต่างกันตามช่วงเวลาของชีวิตแล้ว ยังแตกต่างกันเพราะรสนิยม ความชอบ ค่านิยมในการใช้ชีวิต ความประทับใจ และความเชื่อส่วนบุคคล ความผูกพันและผลกระทบต่อจิตใจ วัฒนธรรมของแต่ละสังคม ฯลฯ ดังนั้นเวลาวางแผนการเงิน ผู้รับการวางแผนควรจะต้องบอกให้ผู้วางแผนทราบ เพื่อที่ผู้วางแผนจะต้องคำนึงถึงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ประกอบด้วย
ในการ วางแผนการเงิน เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด การบรรลุเป้าหมายในชีวิตต่างหากที่สำคัญกว่า แต่เนื่องจากสังคมเราเป็นสังคมที่ใช้เงินตราเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน สินค้าและบริการ เราจึงต้องวางแผนโดยใช้เงินและตัวเลขเป็นจุดเริ่มต้นในการวางแผน ในบางกรณีท่านอาจจะสามารถบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ โดยไม่ต้องใช้เงิน เช่น บางท่านอาจจะมีเป้าหมายชีวิตที่จะแสวงหาธรรมะ ท่านก็อาจจะบวชเป็นพระหรือชี หรือนักบวชในศาสนาของท่าน หรือในบางกรณีท่านก็สามารถวางแผนการปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารของท่านได้เอง ท่านก็สามารถลดจำนวนเงินที่ต้องการใช้ในการดำรงชีพได้ เป็นต้น



เพราะฉะนั้น หากท่านคำนวณเงินออมเพื่อการเกษียณแล้วอย่างไรก็ไม่สามารถเก็บให้ครบได้ ท่านอาจจะเริ่มมองหาที่ว่างข้างบ้านเพื่อเพาะปลูกผักและพืชสวนครัว หรือเริ่มปรุงอาหารรับประทานเองที่บ้าน แทนที่จะออกไปรับประทานนอกบ้านทุกวัน



ขอให้ท่านผู้อ่านทุกคนสามารถวางแผนชีวิต วางแผนการเงิน ได้อย่างดี หรือได้ทำตามความฝันของท่านอย่างราบรื่น และขอให้ท่านมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายตามควรแก่อัตภาพค่ะ

จาก http://newsroom.bangkokbiznews.com/comment.php?id=6020&user=wiwan

คนโสด.com